นายวิโรจณ์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังกระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือ ยกเลิกจัดซื้อเรือดำน้ำ แบบ S26T มาเป็นเรือรบฟริเกตแทน ว่า ในวันที่ 26 ต.ค. นี้ กมธ.การทหาร จะเชิญกองทัพเรือเข้ามาชี้แจงในกรณีนี้ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงว่ามีการผิดสัญญาจริงหรือไม่ อย่างไร และมีความเป็นไปได้ในการคลี่คลายปัญหานี้อย่างไร
เรือดำน้ำ! ผบ.ทร.ชงเครื่องยนต์จีนให้กลาโหมสัปดาห์หน้า มั่นใจทดแทนเครื่องเยอรมันได้
ทร.เสนอข้อมูล “เรือดำน้ำจีน” ให้ครม.ชุดใหม่ ตัดสินใจ
โดยนายวิโรจณ์ ระบุว่า เข้าใจว่าการทวงเงินคืนอาจเป็นเรื่องยาก เนื่องจากต้องดูสัญญาก่อน พร้อมตั้งคำถามว่า แต่เงินจำนวน 7,000 ล้านบาทที่จ่ายไปแล้ว จะทำอย่างไรให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด
นายวิโรจน์ บอกอีกว่า ส่วนกรณีที่อาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มนั้น ต้องดูมีรายละเอียดอย่างไร หากจะต้องมีการจ่ายเงินจริง ต้องตั้งคำถามว่า เมื่อประเทศไทยมีศักยภาพในการต่อเรือรบฟริเกตเองได้ ทำไมไม่เลือกทางเลือกอื่น แล้วนำเงินที่เหลือไปแลกเปลี่ยน เช่น ซื้ออุปกรณ์เพื่อนำมาประกอบในประเทศไทย หรือสามารถเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นได้หรือไม่ อาทิ เรือ OPV หรืออุปกรณ์ที่เราผลิตเองไม่ได้แต่มีความจำเป็น เพื่อให้สามารถทำการจัดซื้อจัดจ้างต่อเรือฟริเกตได้ โดยมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องของรัฐต่อรัฐด้วย ต้องระมัดระวัง แม้ขณะนี้จะมีความคิดเห็นที่หลากหลาย แต่เราต้องยึดตามข้อเท็จจริงเป็นหลัก
ก่อนหน้านี้ก็มีความเห็นกรณีเดียวกันออกมาจาก นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งระบุว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบว่าการที่กองทัพเรือจะเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกตมูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาทนั้นทำได้หรือไม่ เพราะตามหลักสัญญาต้องพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย โดยกรณีเรือดำน้ำ มองว่า ฝ่ายจีนผิดสัญญา แต่เหตุใดทางกองทัพเรือจึงยอม และถามว่าทางการจีนจะรับผิดชอบอย่างไร และยังตั้งคำถามต่อว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีเรือฟริเกตเพิ่มหรือไม่ หรือเพราะว่ามีเรื่องเงื่อนไขเรือดำน้ำที่อาจได้เครื่องยนต์ไม่ได้มีคุณภาพอย่างที่ต้องการ จึงใช้โอกาสนี้ซื้อเรือฟริเกต
ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นคิดว่าเป็นลิงแก้แห ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริงๆ กลายเป็นว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และทร. จะแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยไม่ได้สนใจว่าจะใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างไม่คุ้มค่าขนาดไหน สุดท้ายยังวนเวียนอยู่กับการซื้ออาวุธแบบที่ไม่สามารถตอบคำถามสังคมได้ว่าตกลงแล้วประเทศได้อะไรจากเรื่องนี้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
เมื่อถามว่าถึงขั้นต้องส่งเรื่องให้ป.ป.ช.หรือจะยื่นอภิปรายตรวจสอบรัฐบาลด้วยหรือไม่หรือไม่ นายรังสิมันต์ บอกว่า คงต้องดู ข้อมูลพยานหลักฐานก่อน ซึ่งย้อนไปก่อนหน้านี้ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ระบุว่า ได้คุยกับรัฐบาลจีน แต่ยังไม่จบ 100% ซึ่ง ทางการจีนก็เข้าใจ ว่าเรื่องนี้เป็นความลำบากใจของไทย แต่จีนขอความเห็นใจเช่นกันว่าเกิดปัญหาถูกเบี้ยว เรื่องเครื่องยนต์เช่นกัน โดยยอมรับว่าไทยได้เสนอขอเป็นเรือฟริเกตจริงเพราะมีแผนจัดซื้ออยู่แล้ว แต่ไม่ใช่การยกเลิกสัญญา แต่เป็นการปรับปรุงหรือเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่ คือให้ระงับเรื่องเรือดำน้ำ แล้วมาเขียนข้อตกลงขึ้นใหม่ว่าจะเอาเรือฟริเกต และชะลอเรื่องเรือดำน้ำออกไปทำในวันที่มีความพร้อม
ส่วนเงินที่จ่ายไปแล้ว ไทยเสนอว่า ให้เป็นค่าเรือฟรีเกต ราว 7 พันล้านบาท เมื่อหักลบกับที่ยังไม่ได้จ่าย อีก 6,000 ล้านบาท อาจจะต้องเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท ส่วนราคารวมของเรือฟริเกตลำใหม่นี้ ทางจีนยังไม่ได้พูดเรื่องราคา แต่จากการศึกษา อยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้านก็ใกล้เคียงกัน